Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการบัญชีการเงิน

ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วที่ได้กล่าวถึง ความหมายของการบัญชี วัตถุประสงค์ของการจัดทำบัญชี และรูปแบบของข้อมูลทางบัญชี  คราวนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับ การบัญชีการเงิน ดังนี้
การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) 
          มีหลักเกณฑ์ในการจัดทำบัญชี ดังนี้
1.       การบัญชีการเงิน ใช้สำหรับบุคคลหลายฝ่าย มีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ดังนั้นต้องจัดทำภายใต้หลักการบัญชีที่ยอมรับทั่วไป (Generally Accepted Accounting Principles : GAAP) และเป็นไปตามกฎหมาย
2.      ใช้หลักการตามมาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards) และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน (Financial Reporting Standards) ในการจัดทำบัญชีและการนำเสนอรายงานการเงิน
3.      จัดทำบัญชีและนำเสนอรายงานทางการเงินตาม กรอบของ แม่บทการบัญชี (Accounting Framework) โดยมีหลักเกณฑ์พื้นฐาน ได้แก่
·       การดำรงอยู่  ถือว่ากิจการมีการดำเนินกิจการอยู่อย่างต่อเนื่อง
·       เกณฑ์คงค้าง  เป็นการรับรู้รายได้และค่าใช้จ่ายทันที โดยไม่คำนึงถึงเงินสด
·       จัดทำโดยถูกต้องตามควรและทันเวลา
ความหมายของงบการเงิน
          เป็นรายงานทางการเงิน (Financial Statement)  นำเสนอฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการอย่างมีแบบแผน  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการ  มีงวดบัญชี หรือ ความถี่ในการรายงาน ที่นำเสนองบการเงินอาจเป็น 1 เดือน ไตรมาส ครึ่งปี หรือ 1 ปี

องค์ประกอบของงบการเงินฉบับสมบูรณ์
          งบการเงินฉบับสมบูรณ์ ต้องประกอบไปด้วย รายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.       งบแสดงฐานะการเงิน (Statement of Financial Position)  แสดงถึงฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวด ว่ากิจการมีขนาดเท่าใด ประกอบด้วย สินทรัพย์ หนี้สิน และทุน  (เดิมเรียกว่า งบดุล)
2.      งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (Statement of Comprehensive Income)  แสดงถึงผลการดำเนินงานประจำงวด ประกอบด้วย รายได้ ค่าใช้จ่าย ผลกำไรหรือขาดทุนสำหรับงวด  รวมถึงรายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ซึ่งไม่ได้รับรู้เป็นกำไรขาดทุนสำหรับงวด  อาทิเช่น  การตั้งราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากราคายุติธรรม  การประมาณการราคาหุ้นที่กิจการซื้อขายในราคายุติธรรม ณ ช่วงเวลาสิ้นงวด เป็นต้น
3.      งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ (Statement of Change in Owner’s Equity) เป็นงบที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวในส่วนได้เสียของผู้ถือหุ้นของกิจการ สำหรับงวด ให้ทราบว่าผู้ถือหุ้นนำเงินมาลงทุนเท่าใด ได้รับผลตอบแทน และมีกำไรเหลือเท่าใด
4.      งบกระแสเงินสด (Statement of Cash Flow) แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดของกิจการประจำงวด ว่ามีการรับและจ่ายเงินสดในกิจกรรมใด จำนวนเท่าใด
5.      หมายเหตุประกอบงบการเงิน เป็นคำอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของตัวเลขในงบการเงิน เช่น นโยบายการบัญชีที่ใช้  และข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่ไม่เป็นตัวเงิน เป็นต้น

กระบวนการจัดทำบัญชี
          เมื่อเกิดรายการค้าเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายการรับ จ่ายเงิน หรือรายการซื้อ ขายสินค้า กิจการต้องมีการจัดเก็บรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับรายการค้านั้นๆ  อาทิเช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบส่งของ ใบกำกับภาษี ฯลฯ จากนั้นนำเอาเอกสารหลักฐานดังกล่าว ไปลงบันทึกในสมุดรายวันขั้นต้น แล้วแต่ประเภทของกิจการอาจจะเป็น สมุดเงินสด หรือสมุดรายวันเฉพาะ (สมุดรายวันซื้อ, สมุดรายวันขาย, สมุดรายวันทั่วไป เป็นต้นจากนั้นนำรายการต่างๆ มาจัดทำการบันทึกในสมุดบัญชีแยกประเภท 5 หมวด ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ได้แก่ หมวดสินทรัพย์ หนี้สิน ทุน รายได้ และค่าใช้จ่าย ให้ถูกต้องตามแต่ละประเภท  จากนั้นจึงทำการรวบรวมหมวดบัญชีต่างๆ เข้าสู่การจัดทำงบทดลอง งบกำไรขาดทุน และงบดุลต่อไป โดยทั้งนี้การจัดทำรายการบัญชีต่างๆ ต้องจัดทำให้ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไปด้วย

ประเภทของการรายการทางบัญชี ประกอบด้วย 5 ประเภท ดังนี้
1.       สินทรัพย์ (Asset) หมายถึง  ทรัพยากรที่อยู่ในความควบคุมของกิจการ ซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นในอดีต  และกิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต ประกอบไปด้วย
1.1.     สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset) เป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตภายใน 1 ปี ได้แก่
·       เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
·       ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ
·       เงินลงทุนระยะสั้น
·       เงินให้กู้ยืมระยะสั้น
·       สินค้าคงเหลือ
·       ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
1.2.    สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non Current Asset) เป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตมากกว่า 1 ปี และเป็นสินทรัพย์อื่นใดที่ไม่เป็นสินทรัพย์หมุนเวียน ได้แก่
·       เงินลงทุนระยะยาวและเงินลงทุนกิจการในเครือ
·       เงินให้กู้ยืมระยะยาว
·       อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment property) เช่นการนำเอาอาคารและที่ดินไปให้เช่า
·       ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (Property Plant and Equipment) เป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตน ใช้ในการดำเนินงานก่อให้เกิดประโยชน์เกิน 1 ปี จะหมดประโยชน์โดยการคิดค่าเสื่อมราคา ตามอายุการใช้งานที่กำหนดในนโยบายบัญชีของกิจการ
·       สินทรัพย์อื่น ได้แก่ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน เช่น ลิขสิทธิ์ สัมปทาน เฟรนไชนส์

2.      หนี้สิน (Liabilities)  หมายถึง ภาระผูกพันในปัจจุบันของกิจการ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานในอดีต โดยจะชำระสินทรัพย์ในอนาคต ประกอบด้วย
2.1.    หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities) เป็นภาระผูกพันที่ต้องชำระภายใน 1 ปี ได้แก่
·       เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร
·       เจ้าหนี้การค้า ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
·       หนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีถัดไป
2.2.   หนี้สินไม่หมุนเวียน (Non Current Liabilities)  เป็นภาระผูกพันที่กิจการต้องชำระเกิน 1 ปี ได้แก่
·       หุ้นกู้ เงินกู้ระยะยาว
·       หนี้สินอื่น เช่น หนี้สินประมาณจากการให้ประกันสินค้าแก่ลูกค้า

3.      ส่วนของเจ้าของ (Owner’s Equity)  หมายถึง ส่วนได้เสียคงเหลือในสินทรัพย์ของกิจการ หลังจากหักหนี้สินออกแล้ว ในกรณีที่เป็นบริษัทจำกัด จะมีโครงสร้างของส่วนของเจ้าของ ดังนี้
·       ทุนเรือนหุ้น (Capital Stock)  เป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว
·       ส่วนเกิน (ส่วนต่ำ) มูลค่าหุ้น (Premium or discount on share capital)  เป็นส่วนเกินหรือส่วนที่ต่ำกว่ามูลค่าจากการจำหน่ายหุ้นราคาที่ตราไว้ให้แสดงเป็นแยกของหุ้นแต่ละชนิด (หุ้นสามัญ, หุ้นบุริมสิทธิ์)
·       กำไรสะสม (Retained earnings) เป็นกำไรที่ได้จากการดำเนินงานสะสม ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน หักด้วยเงินปันผลที่จ่ายออกไป (เงินปันผลจะจ่ายได้ตามกฎหมาย ต้องมีกำไรสะสม)
·       องค์ประกอบอื่นของส่วนผู้ถือหุ้น (Other components of equity)

4.      รายได้ (Revenue)  หมายถึง รายได้ที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมตามปกติของกิจการ และรายการกำไร ซึ่งแสดงถึงการเพิ่มขึ้นของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบัญชี ที่ส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น ประกอบไปด้วย
·       รายได้จากการดำเนินงาน  เป็นรายได้หลักของกิจการ เช่น ค่าขายสินค้า
·       รายได้อื่น เป็นผลพลอยได้อื่นจากการดำเนินกิจการ เช่น ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น

5.      ค่าใช้จ่าย (Expenses)  หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมตามปกติของกิจการ และรายการขาดทุน เป็นการแสดงรายการลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบัญชี อันจะส่งผลให้ส่วนของเจ้าของลดลง ค่าใช้จ่ายประกอบไปด้วย
·       ต้นทุนสินค้าที่ขาย/การให้บริการ
·       ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน  สามารถแยกเป็น
·       ค่าใช้จ่ายทางการตลาด  เช่น เงินเดือนฝ่ายการตลาด ค่าส่งเสริมการขาย
·       ค่าใช้จ่ายบริหาร เช่น ค่าเงินเดือน ค่าสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคา เป็นต้น
·       ค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์
·       ต้นทุนทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ยจ่าย และค่าธรรมเนียมธนาคาร

ความสัมพันธ์ของรายการบัญชี
          สามารถอธิบายได้ตามสมการบัญชี ดังนี้
สินทรัพย์ = หนิ้สิน + ส่วนของเจ้าของ
รายได้ ค่าใช้จ่าย = กำไร
สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ + กำไร

การจัดทำงบการเงิน มีขั้นตอนดังนี้
1.       จัดทำงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ  ซึ่งประกอบด้วย
·       รายได้ ได้แก่ รายได้จากการดำเนินงาน รายได้อื่น
·       ค่าใช้จ่าย  ได้แก่  ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
·       กำไร(ขาดทุน) ระหว่างงวด  คำนวณได้จาก รายได้รวม ค่าใช้จ่ายรวม
 2.      งบแสดงฐานะการเงิน  ประกอบด้วย
·       สินทรัพย์  ได้แก่ สินทรัพย์หมุนเวียน และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
·       หนี้สิน  ได้แก่ หนี้สินหมุนเวียน และหนี้สินไม่หมุนเวียน
·       ทุน  ได้แก่  ทุนเริ่มต้น + กำไรสะสมยกมา + กำไรระหว่างงวด
3.      งบกระแสดเงินสด  แสดงเฉพาะรายการที่เกี่ยวกับการรับและจ่ายจากเงินสด จัดทำจากงบกำไรขาดทุนและงบแสดงฐานะการเงิน ประกอบด้วยกิจกรรม 3 กิจกรรมในการดำเนินงาน ดังนี้
·       กิจกรรมจากการดำเนินงาน
·       กิจกรรมจากการลงทุน
·       กิจกรรมจากการจัดหาเงิน
4.      หมายเหตุประกอบงบการเงิน  เป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมในงบการเงิน ดังนี้
·       การบอกถึง นโยบายการบัญชีที่สำคัญ  เช่น วิธีการตีราคาสินค้าคงเหลือ (FIFO, Average)  วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ (วิธีเส้นตรง, วิธีลดลงทุกปี เป็นต้น)
·       ภาระผูกพันต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ
·       รายการระหว่างกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
·       รายการที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
·       รายการหลังวันที่ในงบดุล

การอ่านและวิเคราะห์งบการเงินเบื้องต้น
1.       การอ่านงบแสดงฐานะการเงิน
·       สินทรัพย์เพิ่มแสดงว่ากิจการขยายตัว
·       สินทรัพย์หมุนเวียนมีมากแสดงว่ามีสภาพคล่อง
·       หนี้สินมากกว่าส่วนทุนแสดงว่ามีความเสี่ยง
·       หนี้สินหมุนเวียนมากแสดงว่ามีภาระที่จะครบกำหนดในงวดบัญชี แต่หากเทียบกับสินทรัพย์หมุนเวียน ถ้ามีสินทรัพย์มากกว่า ยังถือว่ามีสภาพการเงินที่ดีอยู่
·       ส่วนทุนมีผลกำไรสะสมมากแสดงถึงความมั่งคั่ง  ถ้าขาดทุนมากแสดงว่าประสบปัญหาในการดำเนินงาน
2.      การอ่านงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ  ให้ดูแต่ละรายการที่แสดงความสามารถในการทำกำไรว่าเกิดจากส่วนใดรายได้ หรือค่าใช้จ่ายและต้นทุนขาย
3.   การอ่านงบกระแสเงินสด  ให้ดูการใช้จ่ายเงินว่า มีความถูกต้องในแต่ละกิจกรรม หรือมีการใช้ไม่เหมาะสมหรือไม่ เช่น มีการกู้ยืมเงินระยะสั้น มาลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ถือว่าเป็นกิจกรรมการจัดหาเงินทุนที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจาก สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ใช้ระยะนานกว่าจะทำให้คืนทุนได้ จึงควรมีการพิจารณาในการกู้ยืมเงินระยะยาว หรือจัดหาเงินทุนด้วยวิธีอื่น โดยให้คำนึงถึงต้นทุนทางการเงินที่ต่ำที่สุด

1 ความคิดเห็น: