Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

เติมพลัง...สร้างแรงบันดาลใจ จาก Ratatouille

สวัสดีครับ พี่น้องชาวบัญชีทุกท่าน
    วันนี้ผมเอาบทความที่นำเสนอในการประชุมครั้งที่ 12 มาลงในบล็อค เพื่อให้ผู้ที่สนใจอยากจะติดตามหลังจากที่อาจจะฟังจากผมไม่ทัน

     บ่อยครั้งใช่มั้ยครับ ที่เราต่างต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ทั้งจากที่ทำงาน ทั้งจากเรื่องส่วนตัว ที่มาบั่นทอนกำลังใจ  แล้วเราแต่ละคนจะมีวิธีเผชิญและผ่านสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรกันบ้างครับ ???
     ถ้าสิ่งเหล่านี้นกระทบชีวิตเราไม่มาก เราก็คงหาทางผ่านมันไปได้  แต่ถ้ามันหนักหนาสาหัสมากๆ ล่ะก็ เราจะพบว่ามันมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามากในช่วงนั้นๆ เลยทีเดียว


     "อยากทำอาหารเก่ง ต้องไม่ใจเสาะ ต้องลองผิดลองถูกดูบ้างและต้องไม่ยอมให้ใครมาบอกว่า คุณมีข้อจำกัด เพียงเพราะภูมิหลังของคุณ"


     "ผมพูดจริงๆ ใครๆ ก็ทำอาหารได้ แต่คนที่ไม่กลัวเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ"


     "อาหารดีๆ ก็เหมือนดนตรีที่เราดื่มด่ำได้ มีสิ่งที่ดีเลิศอยู่รอบๆ ตัวเรา เพียงแต่เราต้องรู้จักหยุดและปรุงรสมัน"


     "ถ้ามัวหมกมุ่นกับอดีต ก็จะเป็นการหยุดและมองไม่เห็นอนาคต"


     ประโยคเหล่านี้ปรากฎในหนังเรื่อง Ratatouille (ระ-ทะ-ทู-อี่)  พ่อครัวตัวจี๊ด หัวใจคับโลก เป็นประโยคที่ช่วยกระตุ้นกำลังใจในการทำงานได้ดี  เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ปี 2007 สาขา Best Animated Feature Film of the Year  เรื่องเล่าถึง เรมี่ หนูฝรั่งเศสที่แสนทะเยอทะยาน ความใฝ่ฝันของเขาคือการเป็นสุดยอดเชฟมือหนึ่งให้จงได้ (หนู...จะเป็นพ่อครัวเนี่ยนะ)



     ด้วยเหตุนี้เองทำให้เรมี่และครอบครัวต้องย้ายจากชานเมืองของฝรั่งเศสเข้ามาสู่ "ปารีส" และได้พบว่าตัวเองได้มาอยู่ใต้ภัตตาคารอันเลื่องชื่อจากสุดยอดปรมจารย์เรื่องอาหารและยังเป็นฮีโร่ในดวงใจของเขา "เชพ ออกุสกัสโตว์" ที่นี่เรมี่ได้ช่วยลิงกวินี่ เด็กก้นครัวที่ทำอาหารไม่ได้เรื่อง ปรุงซุปซึ่งได้รับคำขมจากนักวิจารณ์อาหารที่มีอิทธิพลระดับโลก  เรมี่ได้ร่วมมือกับลิงกวินี่ ปรุงอาหารรสเลิศต่างๆ เมื่อพวกเขาเริ่มปฏิบัติการณ์ ความสนุกปนฮา และการไล่จับหนูก็เกิดขึ้น  ตามมาด้วยแง่คิดมากมายที่สอดแทรกอยู่ในหนัง



     สรุปวิธีสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นพลัง และกำลังใจ จากหนังเรื่องนี้ ได้ดังนี้ครับ


1.  ต้องรู้จักศักยภาพของตัวเอง  
     เรารู้จักตัวเองดีแค่ไหน ศักยภาพของเรามีแค่ไหนและนำมาใช้เต็มที่รึยัง  ในเรื่องนี้  เรมี่ รู้ว่าศักยภาพและพรสวรรค์ของตนคือ การดมกลิ่นที่เป็นเลิศ เรมี่จึงดึงจุดเด่นของตนมาลบจุดด้อยซะ  แล้วในหนังก็ทำให้เราเห็นว่า หนูซึ่งเป็นสัตว์ที่สกปรกที่สุดในโลกของการทำอาหาร ก็สามารถทำอาหารได้ดีเช่นกัน
     ไม่ว่าเราจะดูต่ำต้อย และมีข้อจำกัดเพียงใด แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจ การวิ่งตามความฝัน โดยไม่กลัวอุปสรรคก็ทำให้เราพบความสำเร็จได้
2.  หา Role Model หรือต้นแบบ สร้างมโนภาพ รู้จักจินตนาการ 
     หาใครสักคนมาเป็นต้นแบในใจ ศึกษาประวัติเขา ไม่มีใครจะประสบความสำเร็จโดยไม่ผ่านอุปสรรคหรอกครับ  เรียกเขาเข้ามาอยู่ในหัวเมื่อรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้  
     เรมี่  เอาชนะความกลัวของตนได้โดยการสร้างจินตนาการว่า มีเชฟ ออกุสกัสโตว์ อดีตเชฟมือหนึ่ง และเป็นเจ้าของตำราทำอาหารเล่มโปรดของเรมี่ เจ้าของคติ "ใครๆ ก็ทำอาหารได้" เป็นแรงบันดาลใจของเรมี่เสมอมา มาคอยพูดกระตุ้นให้คิดและให้ทำอยู่ข้างๆ หู
3.  อย่าให้สิ่งไม่ดี คำพูดหรือคนไม่ดี มาบั่นทอนใจเรา
     เมือได้ยินคำพูดที่ทำให้เราหมดกำลังใจ อย่าเก็บเอามาคิดให้รกสมอง เปลี่ยนมาเป็นเอามากระตุ้นให้เราเอาชนะคำสบประมาทเหล่านั้นจะดีกว่า  
     กัสโตว์เชฟมือหนึ่ง หลังจากโดนคำวิจารณ์ของนักชิม อีโก้ ก็เสียศูนย์ ท้อแท้และตรอมใจตาย อย่าให้คำพูด คำวิจารณ์ คำตำหนิเพียงไม่กี่คำ มาทำลายผลงานที่เราอุตส่าห์สร้างนะ
     รับฟัง ปรับปรุง แก้ไข และเอาชนะ ดีกว่ามานั่งหมดกำลังใจ (ยังมีอะไรให้เราคิด และทำอีกเยอะ)
4.  การเคารพผู้อื่น เหมือนที่ต้องการให้ผู้อื่นเคารพตน
     การมีความจริงใจ ไม่ดูถูกและไม่แบ่งแยกชนชั้น รู้จักรักษาน้ำใจมากกว่าจะมานั่งจับผิด  รู้จักให้ ถ้าอยากได้สิ่งดีๆ ตอบแทน ก็ต้องให้ก่อนนะ  หนังสอนให้เรารู้จักให้ความสำคัญกับทุกชีวิต       
     ตอนที่กัสโตว์ในจินตนาการของเรมี่ ถามเรมี่ว่า ในครัวมีใครสำคัญบ้าง เรมี่ตอบว่าในทุกๆ คนที่สวมชุดพ่อครัวสำคัญ จนมาคนสุดท้าย ที่เรมี่ตอบว่าไม่สำคัญ เพราะเขาเป็นเด็กล้างจาน แต่กัสโตว์กลับสอนว่า ทุกคนสำคัญแม้กระทั่งเด็กล้างจานเพราะทุกคนมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง 
     ประเด็นคือ ถ้าเรารูจักเคารพผู้อื่น เมื่อถึงเวลาที่เราคิดว่าไม่มีใคร จะกลับมีมือหลายมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างที่เราไม่คาดคิด ดังเช่น ทีมงานหนู ที่มาช่วยทำอาหารช่วงสุดท้าย แถมยอมทำตามเรมี่ทุกอย่างแม้กระทั่งถูกฆ่าเชื้้อโรค
5. คิดนอกกรอบ มีสัมผัสพิเศษ
     ไม่ใช่ six sense นะ คือหากอยากเป็นยอดเชฟ มากกว่านั้นคือ แรงบันดาลใจ จินตนาการ และความมุ่งมั่น  หากเราอยากเป็นอะไรซักอย่างให้ดี แม้จะผิดจากที่เป็นอยู่ 
     เช่น เป็นหนูจะมาทำอาหารไดอย่างไร  คิดนอกกรอบไปเลย หากมีดีในตัว มั่นใจเข้าไว้ สักวันฝันจะเป็นจริง  หรือเวลาที่เชฟกัสโตว์คิดสูตรอาหาร เขาจะคิดเสมอว่า "รสชาติมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน การผสมรสหนึ่งเข้ากับอีกรสหนึ่ง จะเกิดรสใหม่เสมอ"
6. การมีความยืดหยุ่น
     รู้จักเข้าหาคนที่มีลักษณะและความคิดที่แตกต่างกัน เหมือนกับที่ เรมี่เข้าหาลิงกวินี่ จนเป็นสิ่งที่สร้างสรรและมิตรภาพที่ยั่งยืน


     ท่ามกลางความสนุกสนานของหนัง ได้ถ่ายทอดสายสัมพันธ์ของมิตรภาพและความภักดี การต่อสู้กับความคาดหวังของครอบครัว และการยืนหยัดได้ด้วยขาของตัวเองโดยไม่พึ่งพวกเขา
     สิ่งที่สำคัญที่สุด การซื่อตรงต่อตัวตนของตัวเอง แม้ว่าเราจะไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ คาดคิดไว้ก็ตาม.....
     สุดท้าย คำว่า Ratatouille (ระ-ทะ-ทู-อี่) คือ อาหารชนิดหนึ่งในฝรั่งเศสที่เป็นอาหารง่ายๆ และมักจะทำกันในครอบครัวของคนจน
     ตอนท้ายเรื่อง นักวิจารณ์ที่ชื่อ อีโก้ คนเดียวกับที่เคยวิจารณ์ กัสโตว์ จนต้องตรอมใจตายนั่นแหละ ต้องการที่จะทำให้ภัตตาคารนี้พังอีกครั้ง โดยการสั่งอาหารอะไรก็ได้ และเจ้าหนูเรมี่ ตัดสินใจทำ Ratatouille มาเสริฟ์ เมื่ออีโก้ชิมคำแรก ก็นึกถึงสมัยเด็กที่ยากจนและแม่ทำ Ratatouille ให้กิน จนน้ำตาไหล และยอมแพ้  
     สะท้อนให้เห็นว่า  "สูงสุด สุดท้ายก็คืนสู่สามัญ"  หนังดีๆ อย่างนี้ ไปหามาดูกันนะครับ.... 









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น